เยียวยาน้ำท่วม รับเงินสูงสุด 9,000 บาท รัฐโอนเข้าพร้อมเพย์ เช็กเงื่อนไขที่นี่

เยียวยาน้ำท่วม รับเงินสูงสุด 9,000 บาท รัฐโอนเข้าพร้อมเพย์ เช็กเงื่อนไขที่นี่

Post Image

เช็กเงื่อนไข เยียวยาน้ำท่วม รับเงิน 5,000-9,000 บาท รัฐบาลโอนเงินพร้อมเพย์ให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 57 จังหวัดหลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 พร้อมอนุมัติวงเงิน 3,045.52

ล้านบาท ภายใต้งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษล่าสุด นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไ

ข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ได้กำหนดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.67 เป็นต้นมาโดยเป็นอุทกภัยทั้งในกรณีน้ำท่วมฉับพลัน

น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงผลกระทบจากการระบายน้ำจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยจากการสำรวจข้อมูลครัวเรือนเบื้องต้นขณะนี้มีพื้นที่ได

้รับผลกระทบจากอุทกภัย 57 จังหวัด จำนวน 338,391 ครัวเรือนซึ่งการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 จะแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย

รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาทกรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาทกรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ใ

นพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาทส่วนของการพิจารณาเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้กำหนดเงื่อนไขการขอรับเงินเยียวยาเป็น 2 ส่วน ดังนี้1. ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้มีการประ

กาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินโดยต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ (ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 30) และจะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้

านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครต้องผ่านการตรวจสอบและยื

นยันข้อมูลจากสำนักงานเขตและกรุงเทพมหานคร2.กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งธนาคารออมสินจะจ่ายเงินให้แก่ผู

้ประสบภัยที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรง โดยการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านระบบพร้อมเพย์ทั้งนี้ ปภ. ยังได้จัดทำแนวทางปฏิบัติและเตรียมหารือร่วมกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยเพื่อกำหนดแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดให้มีความ

ชัดเจน และสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนได้ตามกรอบระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และจะได้เร่งทำข้อมูลชี้แจงสร้างความเข้าใจหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยได้รับทราบโดยเร็ว เพื่อจะได้เตรียมในการยื่นขอรับเงิ

นช่วยเหลือต่อไป

เยียวยาน้ำท่วม รับเงินสูงสุด 9,000 บาท รัฐโอนเข้าพร้อมเพย์ เช็กเงื่อนไขที่นี่

เช็กเงื่อนไข เยียวยาน้ำท่วม รับเงิน 5,000-9,000 บาท รัฐบาลโอนเงินพร้อมเพย์ให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 57 จังหวัดหลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 พร้อมอนุมัติวงเงิน 3,045.52

ล้านบาท ภายใต้งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษล่าสุด นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไ

ข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ได้กำหนดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.67 เป็นต้นมาโดยเป็นอุทกภัยทั้งในกรณีน้ำท่วมฉับพลัน

น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงผลกระทบจากการระบายน้ำจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยจากการสำรวจข้อมูลครัวเรือนเบื้องต้นขณะนี้มีพื้นที่ได

้รับผลกระทบจากอุทกภัย 57 จังหวัด จำนวน 338,391 ครัวเรือนซึ่งการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 จะแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย

รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาทกรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาทกรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ใ

นพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาทส่วนของการพิจารณาเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้กำหนดเงื่อนไขการขอรับเงินเยียวยาเป็น 2 ส่วน ดังนี้1. ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้มีการประ

กาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินโดยต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ (ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 30) และจะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้

านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครต้องผ่านการตรวจสอบและยื

นยันข้อมูลจากสำนักงานเขตและกรุงเทพมหานคร2.กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งธนาคารออมสินจะจ่ายเงินให้แก่ผู

้ประสบภัยที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรง โดยการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านระบบพร้อมเพย์ทั้งนี้ ปภ. ยังได้จัดทำแนวทางปฏิบัติและเตรียมหารือร่วมกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยเพื่อกำหนดแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดให้มีความ

ชัดเจน และสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนได้ตามกรอบระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และจะได้เร่งทำข้อมูลชี้แจงสร้างความเข้าใจหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยได้รับทราบโดยเร็ว เพื่อจะได้เตรียมในการยื่นขอรับเงิ

นช่วยเหลือต่อไป