รวบเพิ่มอีก 2 ราย ลูกศิษย์ฤๅษีลาโก ชุมชนลัทธิประหลาด

รวบเพิ่มอีก 2 ราย ลูกศิษย์ฤๅษีลาโก ชุมชนลัทธิประหลาด

Post Image

หน.อุทยานเขื่อนศรีฯ นำกำลังย้อนรอยตรวจค้นชุมชนลัทธิประหลาด รวบลูกศิษย์ฤๅษีลาโกได้เพิ่ม 2 ราย สารภาพหลบบนสันเขา ก่อนฤๅษีลาโก โดนรวบความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำโดย นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า

พันธุ์พืช นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ)นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวย

การสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ

่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ตชด.13 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ เจ้าหน้าที่ ตร.กก.5 บก.ปทส.นำกำลังประมาณ 350 นาย เดินทางลงพื้นที่และมีการประชุมวางแผนที่กองบัญชาการบนแพชั่วคราวบริเวณท่าน้ำ ต

.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ โดยแบ่งกำลังชุดปฏิบัติการออกเป็น 3 ชุด โดยชุดปฏิบัติการที่ 1 ทำหน้าที่ในการเข้ายึดคืนพื้นที่และจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ส่วนชุดปฏิบัติการที่ 2 และ 3 คอยให้การสนับสนุน โดยแผนการจะเริ่มขึ้นในเวลา 04.00 น.ของวันที่ 12 ก.ย.67นายคุณากร

บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ประชุมวางแผนด้วยการตั้งกองบัญชาการด้านนอกและด้านใน ซึ่งกองบัญชาการด้านนอกเราตั้งที่บริเวณริมน้ำบ้านปลายนาสวน ด้วยการนำแพมาเป็นที่ตั้ง ส่วนจุดรวมพลเดินทางมาทางรถยนต

์มารวมตัวกันที่บริเวณแพบ้านปลายนาสวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายกำลังด้วยการข้ามแพขนานยนต์พร้อมรถโฟร์วีล จำนวน 4 คันไปที่จุดกองบัญชาการท่าใหญ่ที่อยู่ด้านใน ใช้เวลาเดินทางทางแพขนานยนต์ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการ กว่า 200 นายจากนั้น

เช้าวันที่ 12 ก.ย.เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังด้วยการเดินเท้าเข้าจุดเป้าหมายที่เป็นภูเขาสูงระยะทาง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งการเดินทางขึ้นเขาค่อนข้างลำบาก เพราะฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งผลการปฏิบัติผ่านไปด้วยดีโดยไม่มีการปะทะแต่อย่างใด ซึ่

งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวกลุ่มลิทธิประหลาดที่ลักลอบเข้ามายึดถือครอบครองผืนแผ่นดินไทยในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ได้ จำนวน 30 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 10 ราย เด็กหญิงและชาย จำนวน 9 ราย ทั้งหมดเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติส่วนบัตรประจำตัวที่พบเป็นการท

ำขึ้นมากันเอง โดยมีฤๅษีลาโก บางคนเรียกว่าพี่ใหญ่ เป็นผู้นำ และมีลูกศิษย์ชาวไทยชื่อ นายสมพงษ์ แสนแจ้ หรือจ่อย ชาวจังหวัดแพร่ ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับฤๅษี ซึ่งฤาษีลาโก ถือว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงชาวกะเหรี่ยงให้หลงเชื่อว่า หากใครทำบัตรสามารถเข้ามา

อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปได้ 196 ประเทศทั่วโลก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 5,000 บาท ซึ่งมีชาวกะเหรี่ยงหลงเชื่อกันเป็นจำนวนมากนายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ กล่าวว่า วันที่ 14 ก

ันยายน 2567 เวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้นำกำลังเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อปูพรมค้นหากลุ่มลูกศิษย์ของฤๅษีลาโกที่คาดว่าอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่อีกครั้งหนึผลปรากฏพบหลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นชาย จ

ำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการในพื้นที่จึงได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ และจากการสอบปากคำผ่านล่ามเป็นภาษากะเหรี่ยง ทราบว่า บุคคลทั้งสองเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงนอกราชอาณาจักร กลุ่มเดียวกันกับฤๅษีลาโก ที่ได้มีการควบคุมตัวและจับกุมดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 12 ก.

ย.ที่ผ่านมาทั้งสองให้การว่าในวันที่ 12 ก.ย.ตนทั้งสองเห็นเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ามาตรวจค้นจับกุม จึงได้วิ่งหลบหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่อยู่สันเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ชุมชนฤๅษีมากนัก หลังจากเจ้าหน้าที่ได้จับกุมฤๅษีลาโก พร้อมลูกศิษย์ทั้งหมดไปแล้ว ตนทั้งส

องจึงลงจากสันเขามาอาศัยอยู่ที่เพิงพักตามเดิม ครั้งแรกพวกตนคาดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังย้อนกลับมาตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ตนทั้งสองถูกจับกุมตัวในที่สุดหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุ

มตัวได้ จึงจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วนำตัวลูกศิษย์ฤๅษีลาโก คือ นายออซอมิ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 19 ปี และ นายแคเนโบ๊ะ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 16 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484

ฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54 และมาตรา 55 ประกอบมาตรา 72 ตรีควา

มผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฐาน ร่วมกันยึดถือ ครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่อสร้าง แผ้วถาง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐาน ร่วมกันทำด้ว

ยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42และความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.

ศ.2507 ฐาน ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31สำหรับอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้

ได้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไ

ป ซึ่งปัจจุบันพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว

รวบเพิ่มอีก 2 ราย ลูกศิษย์ฤๅษีลาโก ชุมชนลัทธิประหลาด

หน.อุทยานเขื่อนศรีฯ นำกำลังย้อนรอยตรวจค้นชุมชนลัทธิประหลาด รวบลูกศิษย์ฤๅษีลาโกได้เพิ่ม 2 ราย สารภาพหลบบนสันเขา ก่อนฤๅษีลาโก โดนรวบความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำโดย นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า

พันธุ์พืช นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ)นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวย

การสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ

่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ตชด.13 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ เจ้าหน้าที่ ตร.กก.5 บก.ปทส.นำกำลังประมาณ 350 นาย เดินทางลงพื้นที่และมีการประชุมวางแผนที่กองบัญชาการบนแพชั่วคราวบริเวณท่าน้ำ ต

.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ โดยแบ่งกำลังชุดปฏิบัติการออกเป็น 3 ชุด โดยชุดปฏิบัติการที่ 1 ทำหน้าที่ในการเข้ายึดคืนพื้นที่และจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ส่วนชุดปฏิบัติการที่ 2 และ 3 คอยให้การสนับสนุน โดยแผนการจะเริ่มขึ้นในเวลา 04.00 น.ของวันที่ 12 ก.ย.67นายคุณากร

บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ประชุมวางแผนด้วยการตั้งกองบัญชาการด้านนอกและด้านใน ซึ่งกองบัญชาการด้านนอกเราตั้งที่บริเวณริมน้ำบ้านปลายนาสวน ด้วยการนำแพมาเป็นที่ตั้ง ส่วนจุดรวมพลเดินทางมาทางรถยนต

์มารวมตัวกันที่บริเวณแพบ้านปลายนาสวน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายกำลังด้วยการข้ามแพขนานยนต์พร้อมรถโฟร์วีล จำนวน 4 คันไปที่จุดกองบัญชาการท่าใหญ่ที่อยู่ด้านใน ใช้เวลาเดินทางทางแพขนานยนต์ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการ กว่า 200 นายจากนั้น

เช้าวันที่ 12 ก.ย.เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังด้วยการเดินเท้าเข้าจุดเป้าหมายที่เป็นภูเขาสูงระยะทาง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งการเดินทางขึ้นเขาค่อนข้างลำบาก เพราะฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งผลการปฏิบัติผ่านไปด้วยดีโดยไม่มีการปะทะแต่อย่างใด ซึ่

งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวกลุ่มลิทธิประหลาดที่ลักลอบเข้ามายึดถือครอบครองผืนแผ่นดินไทยในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ได้ จำนวน 30 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 10 ราย เด็กหญิงและชาย จำนวน 9 ราย ทั้งหมดเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติส่วนบัตรประจำตัวที่พบเป็นการท

ำขึ้นมากันเอง โดยมีฤๅษีลาโก บางคนเรียกว่าพี่ใหญ่ เป็นผู้นำ และมีลูกศิษย์ชาวไทยชื่อ นายสมพงษ์ แสนแจ้ หรือจ่อย ชาวจังหวัดแพร่ ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับฤๅษี ซึ่งฤาษีลาโก ถือว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงชาวกะเหรี่ยงให้หลงเชื่อว่า หากใครทำบัตรสามารถเข้ามา

อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปได้ 196 ประเทศทั่วโลก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 5,000 บาท ซึ่งมีชาวกะเหรี่ยงหลงเชื่อกันเป็นจำนวนมากนายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ กล่าวว่า วันที่ 14 ก

ันยายน 2567 เวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้นำกำลังเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อปูพรมค้นหากลุ่มลูกศิษย์ของฤๅษีลาโกที่คาดว่าอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่อีกครั้งหนึผลปรากฏพบหลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นชาย จ

ำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการในพื้นที่จึงได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ และจากการสอบปากคำผ่านล่ามเป็นภาษากะเหรี่ยง ทราบว่า บุคคลทั้งสองเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงนอกราชอาณาจักร กลุ่มเดียวกันกับฤๅษีลาโก ที่ได้มีการควบคุมตัวและจับกุมดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 12 ก.

ย.ที่ผ่านมาทั้งสองให้การว่าในวันที่ 12 ก.ย.ตนทั้งสองเห็นเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ามาตรวจค้นจับกุม จึงได้วิ่งหลบหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่อยู่สันเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ชุมชนฤๅษีมากนัก หลังจากเจ้าหน้าที่ได้จับกุมฤๅษีลาโก พร้อมลูกศิษย์ทั้งหมดไปแล้ว ตนทั้งส

องจึงลงจากสันเขามาอาศัยอยู่ที่เพิงพักตามเดิม ครั้งแรกพวกตนคาดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังย้อนกลับมาตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ตนทั้งสองถูกจับกุมตัวในที่สุดหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุ

มตัวได้ จึงจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วนำตัวลูกศิษย์ฤๅษีลาโก คือ นายออซอมิ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 19 ปี และ นายแคเนโบ๊ะ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 16 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484

ฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54 และมาตรา 55 ประกอบมาตรา 72 ตรีควา

มผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฐาน ร่วมกันยึดถือ ครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่อสร้าง แผ้วถาง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐาน ร่วมกันทำด้ว

ยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42และความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.

ศ.2507 ฐาน ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31สำหรับอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้

ได้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไ

ป ซึ่งปัจจุบันพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว