ด่วน!!! ครูเล่าเพิ่มคนขับไปไหน หลังครูช่วยเด็กจากเหตุไฟไหม้บัสจนมือพอง

ด่วน!!! ครูเล่าเพิ่มคนขับไปไหน หลังครูช่วยเด็กจากเหตุไฟไหม้บัสจนมือพอง

Post Image

ครูเล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยอุ้มเด็กจากเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนจนมือพุพอง ยันคนขับลงมาช่วยเปิดประตู เผยหากประตูหลังรถเปิดได้ เด็กคงรอดมากกว่านี้วันที่ 1 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า จากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อ

ุทัยธานี ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากนั้นทั้งนี้ นางสาวพรประภา อั่นดอนกรอย ครูประจำชั้น ม.3 เล่าว่า ตนเองอยู่รถบัสคันที่ 3 พอไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้สั่งให้คนขับรถบัสคันที่ 3 จอด แล้วก็

โดดลงมา จังหวะนั้นเห็นเด็ก 2 คนลงมาจากรถ 2 คน แต่ตอนนั้นสภาพของเด็กตัวพองหมดแล้ว ตนกลัวว่าน้องจะโดนรถชนเลยอุ้มน้องมาวางไว้ ตอนนั้นไฟลุกเยอะแล้วทั้งคัน เลยตะโกนบอกให้คนในรถลงมา แล้วก็มีคนเอาไม้ไปช่วยกระทุ้งประตูรถด้านหลังแต่ไม่ไหวแล้ว ประตูเปิดได้แค่บ

านหน้า หากประตูหลังเปิดได้ เด็กน่าจะรอดมากกว่านี้ แต่เปิดไม่ได้ และมีคนเอาถังดับเพลิงไปช่วยดับ แต่สู้แรงไฟไม่ไหวในส่วนของตนเองมีอาการปวดแสบปวดร้อน คิดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บตอนที่อุ้มเด็กเพราะตัวน้องร้อนมาก สำหรับคนขับรถบัสนั้นไม่ได้หนี ตนเห็นเขาลงจากร

ถเพื่อพยายามช่วยเหลือ แต่ในส่วนของรถบัสนั้นตนก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ อีกทั้งบริษัทนี้ทราบว่าเคยว่าจ้างแค่ครั้งเดียวแต่นานมาแล้วเท่านั้น ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่ได้รับผิดชอบโครงการนี้สำหรับรถบัสที่นำคณะเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษานั้นมีด้วยกัน 3 ค

ัน โดยคันที่ 1 มีนักเรียนชั้น ป.5-ม.3 คันที่ 2 อนุบาล-ป.4 และคันที่ 3 ป.5-ม.3 ซึ่งรถบัสนั้นจะมารับนักเรียนตั้งแต่ตอน 05.30 น. และออกเดินทางจาก จ.อุทัยธานี เวลา 06.00 น. ซึ่งจะแวะตลอดทางมาถึงที่เกิดเหตุ.

ด่วน!!! ครูเล่าเพิ่มคนขับไปไหน หลังครูช่วยเด็กจากเหตุไฟไหม้บัสจนมือพอง

ครูเล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยอุ้มเด็กจากเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนจนมือพุพอง ยันคนขับลงมาช่วยเปิดประตู เผยหากประตูหลังรถเปิดได้ เด็กคงรอดมากกว่านี้วันที่ 1 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า จากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อ

ุทัยธานี ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากนั้นทั้งนี้ นางสาวพรประภา อั่นดอนกรอย ครูประจำชั้น ม.3 เล่าว่า ตนเองอยู่รถบัสคันที่ 3 พอไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้สั่งให้คนขับรถบัสคันที่ 3 จอด แล้วก็

โดดลงมา จังหวะนั้นเห็นเด็ก 2 คนลงมาจากรถ 2 คน แต่ตอนนั้นสภาพของเด็กตัวพองหมดแล้ว ตนกลัวว่าน้องจะโดนรถชนเลยอุ้มน้องมาวางไว้ ตอนนั้นไฟลุกเยอะแล้วทั้งคัน เลยตะโกนบอกให้คนในรถลงมา แล้วก็มีคนเอาไม้ไปช่วยกระทุ้งประตูรถด้านหลังแต่ไม่ไหวแล้ว ประตูเปิดได้แค่บ

านหน้า หากประตูหลังเปิดได้ เด็กน่าจะรอดมากกว่านี้ แต่เปิดไม่ได้ และมีคนเอาถังดับเพลิงไปช่วยดับ แต่สู้แรงไฟไม่ไหวในส่วนของตนเองมีอาการปวดแสบปวดร้อน คิดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บตอนที่อุ้มเด็กเพราะตัวน้องร้อนมาก สำหรับคนขับรถบัสนั้นไม่ได้หนี ตนเห็นเขาลงจากร

ถเพื่อพยายามช่วยเหลือ แต่ในส่วนของรถบัสนั้นตนก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ อีกทั้งบริษัทนี้ทราบว่าเคยว่าจ้างแค่ครั้งเดียวแต่นานมาแล้วเท่านั้น ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่ได้รับผิดชอบโครงการนี้สำหรับรถบัสที่นำคณะเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษานั้นมีด้วยกัน 3 ค

ัน โดยคันที่ 1 มีนักเรียนชั้น ป.5-ม.3 คันที่ 2 อนุบาล-ป.4 และคันที่ 3 ป.5-ม.3 ซึ่งรถบัสนั้นจะมารับนักเรียนตั้งแต่ตอน 05.30 น. และออกเดินทางจาก จ.อุทัยธานี เวลา 06.00 น. ซึ่งจะแวะตลอดทางมาถึงที่เกิดเหตุ.